แพลนบี ยึดมั่นในพันธกิจภายใต้แนวคิดในการ “สร้างคุณค่าด้านความยั่งยืนในระยะยาวให้ผู้มีส่วนได้เสีย” โดยได้นำแนวทางการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืนรูปแบบองค์รวมมาใช้ให้เกิดคุณค่าอย่างแท้จริง ภายใต้หลักการพัฒนาการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของบริษัทตามนโยบายการบริหารความยั่งยืนอันประกอบด้วย 10 ข้อหลักที่ครอบคลุมทั้ง 3 มิติ คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นแกนหลักในทุกกระบวนการตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า โดยมีคณะกรรมการบริษัทเป็นผู้ขับเคลื่อนและสนับสนุนหลักการในการเตรียมแผนการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อก่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
กระบวนการในการกำหนดประเด็นที่มีนัยสำคัญต่อความยั่งยืนของบริษัทจัดทำขึ้นตามมาตรฐานของ GRI (GRI Sustainability Reporting Standards) โดยพิจารณาจากประเด็นที่มีความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสีย และประเด็นที่มีความสำคัญต่อผลกระทบด้าน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของบริษัท ซึ่งมีขั้นตอนในการคัดเลือกเนื้อหาและกำหนดประเด็นที่มีนัยสำคัญต่อความยั่งยืน ดังนี้
ระบุประเด็นที่มีนัยสำคัญ: พิจารณาคัดเลือกประเด็นจากการจัดประชุมเชิงปฏิบัติร่วมกับผู้บริหารระดับสูง โดยพิจารณาและวิเคราะห์ทั้งปัจจัยจากภายในและภายนอก, กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน, ความเสี่ยง และโอกาสของบริษัท รวมถึงตัวชี้วัดความยั่งยืน เพื่อระบุประเด็นความยั่งยืนที่มีนัยสำคัญ และกำหนดขอบเขตของแต่ละประเด็นความยั่งยืน
จัดลำดับความสำคัญของประเด็น: จากความร่วมมือของผู้บริหารระดับสูง และหัวหน้าสายงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกลั่นกรองและจัดลำดับความสำคัญ โดยพิจารณาใน 2 มิติ คือ ความสำคัญของผลกระทบจากกการดำเนินธุรกิจ และผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียภายนอก เช่น คู่ค้าทางธุรกิจ ลูกค้า ภาครัฐ และภาคสังคม
ตรวจสอบความถูกต้อง: ก่อนนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท เพื่อพิจารณายืนยันและอนุมัติประเด็นความยั่งยืนที่มีนัยสำคัญภายใต้ขอบเขตผลกระทบ ทั้งภายใน และภายนอกองค์กร
พัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: บริษัทจะมีการจัดเตรียมช่องทางที่หลากหลายเพื่อรับฟังความคิดเห็น มุมมอง และข้อเสนอแนะของผู้มีส่วนได้เสียภายนอกองค์กร เพื่อพัฒนาและปรับปรุงเนื้อหาการจัดทำรายงานในปีต่อไป โดยจะยังคงยึดหลักการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียและบริบทความยั่งยืนเป็นสำคัญ
นโยบายการบริหารความยั่งยืนอันประกอบด้วย 10 ข้อหลักที่ครอบคุลมทั้ง 3 มิติ
ผลการประเมินและสาระสำคัญ
ผลการประเมินและสาระสำคัญที่บริษัทมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานเพื่อสร้างคุณค่าด้านความยั่งยืนในระยะยาวในกรอบระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
ตารางเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
บริษัทให้ความสำคัญในด้านเศรษฐกิจมากที่สุด ในหัวข้อการกำกับดูแลกิจการที่ดีและมีจริยธรรม (Corporate Governance) รองลงมาคือด้านสังคม ในหัวข้อการตลาดผ่านสื่ออย่างมีความรับผิดชอบ (More than Advertising) และความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของสังคม (Public Safety) ตามลำดับ เนื่องจากบริษัทยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักจริยธรรมและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีโดยบูรณาการกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ และเป้าหมายระยะยาวขององค์กรเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนโดยการมอบพื้นที่สื่อของบริษัทเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม อย่างไรก็ตามในส่วนของหัวข้ออื่นๆ บริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจและเตรียมแผนในระยะเวลา 5-10 ปี ในการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
บริษัทคำนึงถึงบทบาทและให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มทั้งภายในและภายนอก โดยจะดูแลให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสม เสมอภาค เป็นธรรม และสนับสนุนการดำเนินงานแบบมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุม เพื่อนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์อันดี สร้างความเชื่อมั่น และสร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้เสียที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและความสำเร็จขององค์กรในระยะยาว
บริษัทคำนึงถึงบทบาทและให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มทั้งภายในและภายนอก โดยจะดูแลให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสม เสมอภาค เป็นธรรม และสนับสนุนการดำเนินงานแบบมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุม เพื่อนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์อันดี สร้างความเชื่อมั่น และสร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้เสียที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและความสำเร็จขององค์กรในระยะยาว
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง | ประเด็นที่ ให้ความสนใจ | การดำเนินการและการตอบสนอง | ช่องทางการสื่อสารและการสร้างความผูกพัน | การสร้างคุณค่า |
---|---|---|---|---|
ผู้ถือหุ้น/ ผู้ลงทุน
|
|
|
|
|
พนักงาน
|
|
|
|
|
ลูกค้า
|
|
|
|
|
คู่ค้า
|
|
|
|
|
ชุมชน
|
|
|
|
|
ผู้เช่า
|
|
|
|
|
หน่วยงานกำกับดูแลและภาครัฐ
|
|
|
|
|
สมาคมอุตสาหกรรม
|
|
|
|
|
สื่อมวลชน
|
|
|
|
|
บริษัทตระหนักดีว่าการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากบริษัทย่อมต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลากหลายรูปแบบ ไมว่าจะเป็นความเสี่ยงทางการค้า สินทรัพย์ กฎหมาย สิ่งแวดล้อม สุขภาพและความปลอดภัย การหยุดชะงักทางธุรกิจ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บริษัทได้ใช้แนวคิดแบบบูรณาการในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อระบุและจัดลำดับความสำคัญของประเด็นต่างๆ โดยใช้ข้อมูลจากมุมมองของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ดำเนินงานในหลากหลายมิติตลอดห่วงโซ่คุณค่า ทิศทางของอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา ตลอดจนแนวโน้มด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การจัดลำดับความสำคัญความเสี่ยงถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของแพลนบี
บริษัทได้กำหนดกรอบการบริหารความเสี่ยงองค์กรตาม COSO Enterprise Risk Management 2017 ซึ่งมีการใช้ทั่วทั้งองค์กรผ่านการดำเนินตามนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัทกับพนักงานทุกระดับ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงของบริษัท (RMC) ได้กำหนดนโยบายและกรอบการบริหารความเสี่ยงองค์กร โดยมีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (RMC) เป็นผู้รับผิดชอบในการควบคุมดูแลความเสี่ยงตามกรอบและนโยบายที่กำหนด
ในขณะเดียวกันฝ่ายบริหารความเสี่ยงจะเป็นผู้สนับสนุนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความเสี่ยง ซึ่งหมายรวมถึงการรวบรวมข้อมูล การจัดฝึกอบรม และการส่งเสริมวัฒนธรรมการจัดการความเสี่ยงให้เกิดขึ้นทั่วทั้งองค์กร
บริษัทมีการกำหนดนโยบายบริหารจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุมทุกกิจกรรมทางธุรกิจทั้งปัจจัยภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยได้วางแผนบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ การปฏิบัติงาน การตัดสินใจลงทุนเพื่อทำธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการควบคุมแลติดตามเพื่อให้ความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ดังนั้นคณะกรรมการบริษัทจึงได้แต่งตั้ง คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Committee) โดยมีหน้าที่และความรับผิดชอบดังนี้
กำหนด และทบทวน นโยบาย กรอบการบริหารความเสี่ยงองค์กร
กำกับดูแล และสนับสนุนให้มีการดำเนินงานด้านการบริหารความเสี่ยงองค์กร สอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายทางธุรกิจ รวมถึงสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ให้ข้อเสนอแนะแนวทาง ติดตาม และประเมินผล การบริหารความเสี่ยงต่อคณะทำงานบริหารความเสี่ยง
พิจารณารายงานผลการบริหารความเสี่ยงองค์กร และให้ข้อคิดเห็นในความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งแนวทางการกำหนดมาตรการควบคุมหรือบรรเทา (Mitigation Plan) และการพัฒนาระบบการจัดการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
สนับสนุนการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการบริหารความเสี่ยงองค์กร
6. รายงานผลการบริหารความเสี่ยงองค์กรให้คณะกรรมการบริษัทรับทราบ และในกรณีที่มีปัจจัย หรือเหตุการณ์สำคัญซึ่งอาจมีผลกระทบต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ต้องรายงานต่อคณะกรรมการบริษัท เพื่อทราบและพิจารณาโดยเร็วที่สุด
พิจารณาสอบทานการลงทุนในต่างประเทศ
ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย
แผนผังคณะทำงานด้านความเสี่ยง
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงของบริษัทประกอบด้วยกรรมการและผู้บริหารระดับสูง จำนวน 4 คน ได้แก่
- นางมลฤดี สุขพันธรัชต์ ประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
- ดร.พินิจสรณ์ ลือชัยขจรพันธ์ กรรมการบริหารความเสี่ยง
- นายเอกภักดิ์ นิราพาธพงศ์พร กรรมการบริหารความเสี่ยง
- นายอานนท์ พรธิติ กรรมการบริหารความเสี่ยง
กรอบการบริหารความเสี่ยง
แนวทางการรายงานความเสี่ยง
ระดับความเสี่ยง | การดำเนินการ | การรายงาน |
---|---|---|
สูงมาก |
ต้องกำกับดูแลใกล้ชิด และเสนอแผนการดำเนินการเพื่อลดระดับความเสี่ยง และมีแผนการติดตามความเสี่ยงจนระดับความเสี่ยงลดลง จนกระทั่งถึงระดับปานกลาง-ต่ำ และขออนุมัติแผนจากคณะกรรมการบริษัท |
คณะกรรมการบริษัท (Board of Director: BOD) |
สูง |
ต้องคอยเฝ้าระวัง และเสนอแผนการดำเนินการเพื่อให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงให้ความเห็นในการลดระดับความเสี่ยงให้เป็นไปตามแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยให้มีแผนการติดตามความเสี่ยงจนระดับความเสี่ยงลดลงจนกระทั่งถึงระดับปานกลาง-ต่ำ |
คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Committee: RMC) |
ปานกลาง |
ใช้วิธีควบคุมปรกติ และเฝ้าระวัง |
ผู้บริหารระดับสูง (Chief Executive Officer & Managing Director) |
ต่ำ |
ใช้วิธีควบคุมปรกติ ไม่ต้องเฝ้าระวัง |
คณะทำงาน |
ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์
- ความเสี่ยงจากความผันผวนและการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
- ความเสี่ยงจากการพึ่งพาสื่อโฆษณาดิจิทัลกลางแจ้งของบริษัท
- ความเสี่ยงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 (ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่)
ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติงาน
- ความเสี่ยงด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล
- ความเสี่ยงจากภัยคุกคามต่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่)
ความเสี่ยงด้านการเงิน
- ความเสี่ยงจากการไม่สามารถต่อสัญญาสัมปทาน หรือสัญญาเช่าพื้นที่หรือสัญญากับพันธมิตรทางธุรกิจ
- ความเสี่ยงจากการมีภาระผูกพันกับคู่สัญญาที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท
- ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงเอเจนซี่โฆษณารายใหญ่
ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ
- ความเสี่ยงจากกรณีที่มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถือหุ้นในบริษัทมากกว่าร้อยละ 25
- ความเสี่ยงด้านข้อกฎหมายควบคุมป้ายโฆษณาและอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นกับป้ายโฆษณาของบริษัท
- ความเสี่ยงในการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่)
ความเสี่ยงด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
- ความเสี่ยงด้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น
รายละเอียดของความเสี่ยงข้างต้นได้ถูกเปิดเผยใน ONE REPORT ประจำปี 2565 หน้า 41-45 (https://planb.listedcompany.com/misc/ar/20230328-planb-ar2022-th.pdf)
บริษัทมุ่งเน้นแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีและกระบวนการควบคุมภายในที่เหมาะสมเพียงพอ โดยได้มีการกำหนดนโยบายต่อต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น
ทั้งนี้ บริษัทมีการการตรวจสอบป้องกันและประเมินความเสี่ยงด้านคอร์รัปชั่นจากกิจกรรมดำเนินงานของบริษัท มีการกำหนดมาตรการในการควบคุมและติดตามกระบวนการทำงานที่อาจเกิดการทุจริตได้ เพื่อยืนยันความถูกต้องของการปฏิบัติงานให้มีความสุจริตโปร่งใส ป้องกันการทุจริต รวมทั้งเปิดช่องทางการสื่อสารให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถแจ้งเบาะแส ข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตได้โดยตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้รับการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (CAC) นอกจากนี้ บริษัทยังกำหนดให้พนักงานทุกรายดำเนินการทดสอบความรู้ความเข้าใจในด้านจริยธรรมในการทำงานหรือ Code of Conduct อย่างเข้มงวด โดยพนักงานร้อยละ 100 ต้องสอบผ่านเกณฑ์ทั้งหมด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พนักงานทุกรายของบริษัทรับทราบและปลูกฝังจริยธรรมในการทำงานแก่พนักงาน
เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อช่วยให้เกิดความคุ้มค่าทางธุรกิจยิ่งขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น ดังนั้น การเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตอาจทำให้บริษัทเผชิญกับภัยคุกคามที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้องค์กรมีความมั่นคง ปลอดภัยทางไซเบอร์ของระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ดำเนินงานทางธุรกิจ และเป็นไปตามแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ตามมาตรฐานระดับสากลและตามกรอบของ พ.ร.บ. ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศไทย ในปี 2565 ที่ผ่านมา
บริษัทจึงได้ดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้น เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าวทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ เช่น
- การจัดทำนโยบายด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่ชัดเจนของกลุ่มบริษัท และจัดตั้งคณะทำงานเพื่อรับผิดชอบการพัฒนาเรื่องดังกล่าวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
- การให้ความรู้แก่พนักงานด้านรูปแบบภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นและแนวปฏิบัติในการป้องกัน/รับมือเหตุการณ์ด้วยตนเอง เพื่อจำกัดความเสียหายให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุด
- การทดสอบระบบและการฝึกซ้อมแผนกู้คืนระบบสารสนเทศ กรณีที่เกิดภัยคุกคาม
ตามที่ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ได้มีผลบังคับใช้แล้วในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) แม้ว่าลักษณะการทำธุรกิจของบริษัทจะทำให้บริษัทไม่ได้มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่บริษัทเองก็ได้ตระหนักถึงความสำคัญของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎระเบียบต่างๆ ที่ทางคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ออกเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว โดยบริษัทได้ดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อออกนโยบายและขั้นตอนการทำงานภายในบริษัทเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและระเบียบอื่นใดที่เกี่ยวข้อง และเพื่อให้นโยบายและขั้นตอนการทำงานภายในมีการปรับปรุงแก้ไขให้เป็นปัจจุบันเสมอ รวมทั้งมีการวางระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับให้พนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยใช้งานในขั้นตอนของการจัดเก็บข้อมูลเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการรั่วไหลและสามารถป้องกันเหตุได้ทันในกรณีที่มีการร้องเรียนใด ๆ ระบบดังกล่าวจะสามารถติดตามหาต้นตอข้อมูล เอกสาร รวมทั้งผู้จัดเก็บได้ทันที นอกจากนี้ บริษัทยังได้ออกแผนงานเพื่อให้พนักงานทุกคนในบริษัทและบริษัทย่อยทราบถึงลักษณะการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ขั้นตอนการทำลายข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งขั้นตอนในกรณีที่เจ้าของข้อมูลได้มีการแจ้งขอให้บริษัท ลบ ทำลาย หรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่เก็บรักษาไว้กับบริษัท และรวมไปถึงการแจ้งให้คู่ค้าและลูกค้าทราบถึงแผนการปฏิบัติงานและนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท เพื่อให้การทำงานร่วมกันสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและแนวปฏิบัติของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัทประเมินความเสี่ยงเป็นประจำทุกปีและใช้ผลดังกล่าวในการวางแผนกลยุทธ์ขององค์กร บริษัทได้จำแนกความเสี่ยงตามระดับความรุนแรงที่ส่งผลต่อธุรกิจออกเป็น 5 ระดับ และระบุประเภทความเสี่ยงออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ ความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ ความเสี่ยงเชิงปฏิบัติการ ความเสี่ยงทางการเงิน ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบหรือข้อบังคับ และความเสี่ยงด้านความยั่งยืน
ทั้งนี้ในปี 2565 บริษัทได้ประเมินความเสี่ยงทั้งหมด 11 ประเด็นด้วยกัน โดยประเมินตามระดับความรุนแรงของผลกระทบจาก “ระดับต่ำ” ถึง “ระดับสูงมาก” และโอกาสที่จะเกิดจาก “เป็นไปได้น้อย” ถึง “เป็นไปได้สูง” จากผลการประเมินพบว่า ความเสี่ยง 3 อันดับแรก ได้แก่ (1) ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค/การก่อการร้าย/ภัยพิบัติ ซึ่งเป็นความเสี่ยงในระดับสูงมาก (2) ความเสี่ยงด้านความสามารถในการแข่งขันเชิงกลยุทธ์ และ (3) ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภาครัฐ สถาณการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งประเด็นดังกล่าวข้างต้นถือเป็นความเสี่ยงในระดับสูง
PLANB กำหนดนโยบายจการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืนที่เป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และตรวจสอบได้ รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนการจัดจ้างกับคู่ค้าที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และหลักธรรมาภิบาลหรือการกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance: ESG) เพื่อเข้าสู่การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างเป็นระบบ ตลอดจนมุ่งเสริมสร้างให้คู่ค้าเติบโตอย่างมีศักยภาพและประสิทธิภาพร่วมกันกับองค์กรอย่างยั่งยืน
ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างของ PLANB มีการระบุระยะเวลาการชำระเงินไว้ใน TOR โดยระบุไว้ที่ 90 วัน ภายหลังจากการมีส่งสินค้าหรือบริการ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่ทำกับแต่ละคู่ค้า (อาจมากกว่า หรือ น้อยกว่า 90 วัน)
ระยะเวลาการชำระเงิน (วัน) | ระยะเวลาการชำระเงิน (วัน) |
90 | 125 |