การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นรากฐานของการดำเนินธุรกิจในระยะยาว และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยรวม และมุ่งมั่นผสานหลักการ ESG เข้ากับกลยุทธ์องค์กร โดยมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การลดของเสีย และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมกำหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่วัดผลได้ และติดตามความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริษัท

บริษัทมุ่งมั่นในการลดผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยผสานแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับกลยุทธ์องค์กร ผ่านการตั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวที่สามารถวัดผลได้ (Measurable Targets) โดยมุ่งเน้นใน 3 ประเด็นหลัก ดังนี้

  1. การลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน
    บริษัทดำเนินการปรับเปลี่ยนระบบแสงสว่างและจอสื่อโฆษณาให้เป็นแบบประหยัดพลังงาน เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED และการปรับปรุงจอสื่อโฆษณาเพื่อลดต้นทุนต่างๆ ในระยะยาว ทั้งค่าไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน พร้อมตั้งเป้าลดการใช้พลังงานไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 10% ภายในปี 2573 เทียบกับปีฐาน 2564
  2. การลดของเสียและส่งเสริมการนำกลับมาใช้ซ้ำ
    บริษัทส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพโดยเน้นแนวทาง “ลด-ใช้ซ้ำ-รีไซเคิล (3Rs)” โดยดำเนินโครงการแปรรูปป้ายโฆษณาไวนิลที่ใช้แล้วให้เกิดประโยชน์ เช่น การผลิตกระเป๋า หรือการใช้ในกิจกรรมชุมชน พร้อมตั้งเป้า บรรลุ Zero Waste to Landfill ภายในปี 2570 และดำเนินการคัดแยกขยะอย่างเป็นระบบในพื้นที่สำนักงานและคลังสินค้า
  3. การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บริษัทได้เริ่มวัดและติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ทั้ง Scope 1 และ Scope 2 และตั้งเป้าลดการปล่อย GHG ลงไม่น้อยกว่า 15% ภายในปี 2573 เทียบกับปีฐาน 2567 ผ่านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในอนาคต

นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการกำหนด บทบาทของคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูง (C-Level) ในการกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม อย่างเป็นระบบเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อให้มั่นใจว่าแนบทางด้าน ESG ถูกบูรณาการเข้ากับกลยุทธ์ขององค์กร

คณะกรรมการบริษัท
(Board of Directors)
  • อนุมัติทิศทางเชิงกลยุทธ์ขององค์กรในการรับมือกับความเสี่ยงและโอกาสด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก (GHG)
  • ตรวจสอบและให้ความเห็นชอบต่อแบบบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศขององค์กรเป็นประจำทุกปี
  • ติดตามผลการดำเนินงานและความคืบหน้าของมาตรการตอบสนองต่อความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างสม่ำเสมอ
คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
(Risk Management Committee)
  • ระบุ วิเคราะห์ และประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งด้านกายภาพ (เช่น ภัยธรรมชาติ) และด้านเชิงเปลี่ยนผ่าน (เช่น นโยบายหรือกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม)
  • พิจารณาความเชื่อมโยงของความเสี่ยงกับการดำเนินธุรกิจ และเสนอแบบบริหารความเสี่ยงให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กร
  • ติดตามและทบทวนระดับความเสี่ยงด้านภูมิอากาศ พร้อมเสนอแนวทางปรับตัวหรือบรรเทาผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียหลัก
ผู้บริหารระดับสูง*
(C-level Executives)
  • นําแนวนโยบายด้านการจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาสู่การดำเนินงานจริง โดยบูรณาการเข้ากับ การวางแผนธุรกิจ การดำเนินงาน และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
  • สนับสนุนการลงทุนในโครงการที่ช่วยลด GHG เช่น ระบบเทคโนโลยีที่ลดคาร์บอน
  • รายงานผลการดำเนินงานและความคืบหน้าด้านการจัดการความเสี่ยงภูมิอากาศต่อคณะกรรมการอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสนอแนวทางปรับปรุงตามสถานการณ์และข้อกำหนดภายนอก
คณะกรรมการความยั่งยืน
(Sustainability Committee)
  • พิจารณาและเสนอแนวทางขับเคลื่อนการตอบสนองต่อประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเน้นให้สอดคล้องกับกล ยุทธ์องค์กรและแนวโน้มสากล
  • กำกับดูแลให้หน่วยงานต่างๆ ปฏิบัติตามแนวทางการลดผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ และติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด
  • รวบรวมและรายงานข้อมูลการดำเนินงานด้านการลดคาร์บอนและการบริหารจัดการความเสี่ยงภูมิอากาศต่อคณะกรรมการบริษัท

เป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะยาว (ปี 2568-2573)

  • บริษัทมีการกำหนดนโยบายในการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายองค์กรในการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ลงให้ได้ร้อยละ 10 ภายในปี 2574 เทียบกับฐานปี 2564
  • บริษัทมีการบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อการผลิตสื่อโฆษณาให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการนำไวนิลเหลือใช้หรือหมดสัญญาของลูกค้านำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงสติกเกอร์ที่ใช้ใน สื่อโฆษณาบนรถประจำทางปรับอากาศมาปรับปรุงและออกแบบให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี
  • บรรลุเป้าหมาย Zero Waste to Landfill โดยส่งวัสดุกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตมากที่สุด

เป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะสั้น (ปี 2568)

  • บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการการใช้พลังงานไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ ได้แก่ การใช้พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ส่วนกลาง และระบบปรับอากาศ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายลดการใช้พลังงานร้อยละ 5 ในปี 2568 เทียบกับปี 2567
  • นำวัสดุโฆษณาที่ใช้แล้วกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากกว่า 25,000 ตร.ม.ต่อปี
  • ส่งเสริมพฤติกรรมประหยัดพลังงานในหมู่พนักงาน ผ่านการอบรมและรณรงค์ภายในองค์กร

ผลการดำเนินงานปี 2567

  • การปรับปรุงจอ LED ตั้งแต่การดำเนินงานภายในองค์กรสู่สังคม ทั้งการปรับปรุงจอ LED ที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ พื้นที่ทั้งหมด 8,540 ตารางเมตร และปรับปรุงสื่อโฆษณาภาพนิ่ง จำนวน 141 ป้าย จำนวนพื้นที่รวม 38,232 ตารางเมตร
  • จัดทำโครงการ Plan B x Coway มอบกระบอกน้ำส่วนตัวให้พนักงานเพื่อสนับสนุนการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ลดขยะจากขวดน้ำดื่ม และช่วยประหยัดทรัพยากรในองค์กร ความริเริ่มนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • บริษัทดำเนินงานในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกผ่านโครงการ Care the Bear ในปี 2567 โดยสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ทั้ง 7,321 KgCO2e

การเสริมสร้างศักยภาพด้านสิ่งแวดล้อมในองค์กร

บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาความรู้และทักษะด้านสิ่งแวดล้อมแก่พนักงานทุกระดับ โดยในปี 2567 บริษัทได้จัดอบรมหลักสูตร “การจัดการสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในองค์กร” เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ถึงการทำงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน 78 คน ทั้งนี้ บริษัทมุ่งมั่นที่จะต่อยอดองค์ความรู้และพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับศักยภาพบุคลากรและขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

นอกจากนี้ บริษัทได้ส่งเสริมให้บุคลากรเข้าร่วมการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์ม Skillane ซึ่งมีหลักสูตรเกี่ยวกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมทั้งการวิเคราะห์และชี้ให้เห็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ การประเมินระดับนัยสำคัญของประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนการกำหนดนโยบายและตัวชี้วัด (KPI) ด้านสิ่งแวดล้อมให้มีความถูกต้อง เหมาะสม และสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานอย่างยั่งยืนขององค์กร

การบริหารจัดการด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

บริษัทตระหนักถึงความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมจากปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามกรอบ ความตกลงปารีส (Paris Agreement) บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้กำหนดกรอบกลยุทธ์ด้านพลังงานและการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นระบบ ทั้งในระดับนโยบาย การปฏิบัติ และการติดตามผล ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) แนวทางของ GRI Standards ตลอดจนแผนสู่ความเป็น Carbon Neutral และ Net Zero ในระยะยาว

เป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะยาว (ปี 2568-2573)

  • บริษัทมีเป้าหมายในการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อย 10% ภายในปี 2573 เทียบกับปีฐาน 2564 รวมถึงเพิ่มสัดส่วนของการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานและลดก๊าซเรือนกระจกในสื่อโฆษณาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
  • จัดทำ Roadmap สู่ Net Zero ภายในปี 2590 โดยมีการตั้งเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว พร้อมแนวทางการติดตามผลและรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

เป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะสั้น (ปี 2568)

  • ลดการใช้พลังงานจากระบบไฟฟ้าในสื่อโฆษณาและอาคารสำนักงาน ไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2567 ผ่านการเปลี่ยนหลอดไฟ LED, ปรับปรุงระบบควบคุมแสง และติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน
  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมหลักในองค์กรให้ได้อย่างน้อย 5% ภายในปี 2568
  • ส่งเสริม พฤติกรรมประหยัดพลังงานของพนักงาน (Behavioral Change) ผ่านการอบรมและรณรงค์ภายในองค์กร

ผลการดำเนินงานปี 2567

  • การปรับปรุงจอ LED พื้นที่ทั้งหมด 8,540 ตารางเมตร เป็นการช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ราว 23.88 tCO2e
  • การปรับปรุงสื่อโฆษณาภาพนิ่ง จำนวน 141 ป้าย จำนวนพื้นที่รวม 38,232 ตารางเมตร ส่งผลให้สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ราว 117.76 tCO2e
  • เข้าร่วมโครงการ Care the Bearเพื่อช่วยขับเคลื่อนสังคมด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการจัดกิจกรรมภายในองค์กรได้ถึง 7,320.88 kgCO2e

โครงการที่ช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานในช่วงปี 2562-2567

  • เปลี่ยนระบบไฟส่องสว่างเป็นโคมไฟแบบ LED
    ตามที่ภาครัฐมีนโยบายบริหารจัดการด้านพลังงานของประเทศ โดยส่งเสริมและผลักดันการอนุรักษ์พลังงานอย่างเต็มรูปแบบตามแผนปฏิบัติการอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี (พ.ศ.2554-2573) พร้อมส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงและอาคารประหยัดพลังงาน พัฒนาพลังงานสะอาด เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกและแก้ปัญหาโลกร้อน
    ทางบริษัทได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และสนองต่อนโยบายของรัฐในทุกๆ ด้าน โดยบริษัทได้มีการเปลี่ยนหลอดไฟเป็นแบบ LED ซึ่งใช้พลังงานต่ำแต่ให้ประสิทธิภาพในการส่องสว่างสูง ไม่มีสารรังสียูวีและสารปรอท ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ รวมไปถึงช่วยลดค่าไฟฟ้าลงไปได้มากกว่าร้อยละ 50 ในปี 2565 บริษัทได้เปลี่ยนโคมไฟส่องป้ายบิลบอร์ดจากโคมไฟแบบ Metal Halide เป็นแบบ LED จำนวน 4,700 โคม ซึ่งช่วยลดค่าไฟไปได้ 13,254,000 บาทต่อปี และลดก๊าซเรือนกระจกไปได้ราว 6,552 kgCO2e หรือกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
  • ผลักดันให้ชุมชนรอบข้างลดการใช้พลังงานในการใช้ไฟฟ้าผ่านการบริจาคหลอดไฟแบบ LED Tube T8 ในปี 2566
  • - บริษัทบริจาคหลอดไฟแบบ LED Tube T8 ให้กับชุมชนเก้าพัฒนา จำนวน 1,000 หลอด โดยการเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เป็นหลอดไฟ LED Tube T8 ทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 54,400 kgCO2e
  • - บริษัทบริจาคหลอดไฟแบบ LED Tube T8 ให้กับโรงเรียนรวมราษฎร์สามัคคี จำนวน 300 หลอด โดยการเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เป็นหลอดไฟ LED Tube T8 ทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 16,323 kgCO2e
  • การปรับปรุงจอโฆษณาดิจิทัล
    เนื่องจากสินทรัพย์ในการดำเนินกิจการของบริษัทเกือบทั้งหมดเป็น ป้ายพื้นที่โฆษณา บริษัทจึงได้เล็งเห็นประโยชน์ในการปรับปรุงป้าย LED เพื่อลดการซ่อมบำรุงทั้งในด้านกำลังคนและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง โดยการปรับปรุงจอ LED นี้ได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา มีผลประกอบการ ดังนี้
  • - ในปี 2565 จากการปรับปรุงจอ LED พื้นที่ทั้งหมด 1,375 ตารางเมตร ส่งผลให้ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงในการเดินทางประมาณ 100 ลิตรต่อเดือน, ลดค่าใช้จ่ายทั้งค่าบำรุงรักษาและค่าเชื้อเพลงราว 159,600 บาทต่อปี และลดก๊าซเรือนกระจกได้ราว 3.288 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
  • - ในปี 2566 จากการปรับปรุงจอ LED พื้นที่ทั้งหมด 5,246 ตารางเมตร เป็นการช่วยลดการใช้กำลังพลในการเดินทางเพื่อไปซ่อมบำรุงส่งผลให้สามารถลดการใช้เชื้อเพลิงในการเดินทางได้ราว 300 ลิตรต่อเดือน, ลดค่าใช้จ่ายทั้งค่ารักษาบำรุงและค่าเชื้อเพลิงราว 456,000 บาทต่อปี และลดก๊าซเรือนกระจกได้ราว 9.88 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
  • - ในปี 2567 จากการปรับปรุงจอ LED พื้นที่ทั้งหมด 8,540 ตารางเมตร เป็นการช่วยลดการใช้กำลังพลในการเดินทางเพื่อไปซ่อมบำรุงส่งผลให้สามารถลดการใช้เชื้อเพลิงในการเดินทางได้ราว 725 ลิตรต่อเดือน, ลดค่าใช้จ่ายทั้งค่ารักษาบำรุงและค่าเชื้อเพลิงราว 974,400 บาทต่อปี และลดก๊าซเรือนกระจกได้ราว 23.88 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
  • การปรับปรุงจอสื่อโฆษณาภาพนิ่ง
    ในปี 2567 บริษัทมีการปรับปรุงสื่อโฆษณาภาพนิ่ง จำนวน 141 ป้าย จำนวนพื้นที่รวม 38,232 ตารางเมตร ส่งผลให้สามารถลดการใช้เชื้อเพลิงในการเดินทางได้ราว 1,000 ลิตรต่อเดือน, ลดค่าใช้จ่ายทั้งค่ารักษาบำรุงและค่าเชื้อเพลิงราว 5,203,200 บาทต่อปี และลดก๊าซเรือนกระจกได้ราว 117.76 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

สถิติปริมาณการใช้พลังงาน

  ผลการดำเนินงาน
ปี 2565
ผลการดำเนินงาน
ปี 2566
ผลการดำเนินงาน
ปี 2567
เป้าหมาย
ปี 2568
เป้าหมาย
ระยะยาว

การใช้พลังงานทั้งหมด (MWh)

48,701 74,361 67,451 <65,000 <60,000

อัตราการเติบโต (%)

- +53.2 -9.6 - -

การใช้พลังงานหมุนเวียน (MWh)

0 0 0 - -

อัตราการเติบโต (%)

- - - - -
หมายเหตุ: ตั้งแต่ปี 2566 บริษัทได้ทำการย้ายสำนักงานมายังอาคารแพลน บี ทาวเวอร์

โครงการที่เกี่ยวข้องกับการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

  • เข้าร่วมโครงการ Care the Bear: Change the Climate Change ซึ่งสนับสนุนการลดคาร์บอนจากกิจกรรมในองค์กร เช่น การเดินทาง การประชุม และการจัดอีเวนต์
  • การปรับปรุงจอ LED พื้นที่ทั้งหมด 8,540 ตารางเมตร เป็นการช่วยลดการใช้กำลังพลในการเดินทางเพื่อไปซ่อมบำรุงส่งผลให้สามารถลดการใช้เชื้อเพลิงในการเดินทางได้ราว 725 ลิตรต่อเดือน, ลดค่าใช้จ่ายทั้งค่ารักษาบำรุงและค่าเชื้อเพลิงราว 974,400 บาทต่อปี และลดก๊าซเรือนกระจกได้ราว 23.88 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
  • การปรับปรุงสื่อโฆษณาภาพนิ่ง จำนวน 141 ป้าย จำนวนพื้นที่รวม 38,232 ตารางเมตร ส่งผลให้สามารถลดการใช้เชื้อเพลิงในการเดินทางได้ราว 1,000 ลิตรต่อเดือน, ลดค่าใช้จ่ายทั้งค่ารักษาบำรุงและค่าเชื้อเพลิงราว 5,203,200 บาทต่อปี และลดก๊าซเรือนกระจกได้ราว 117.76 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

สถิติปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัท

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผลการดำเนินงาน
ปี 2565
ผลการดำเนินงาน
ปี 2566
ผลการดำเนินงาน
ปี 2567
เป้าหมาย
ปี 2568
เป้าหมาย
ระยะยาว

การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ตันคาร์บอนไดออกไซด์)

24,563 38,157 34,692 < 31,000 < 29,000

- การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (ขอบเขตที่ 1)

217 849 849 N/A N/A

- การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (ขอบเขตที่ 2)

24,346 37,308 33,719 N/A N/A

- การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ (ขอบเขตที่ 3)

N/A N/A 124 N/A N/A
หมายเหตุ: ตั้งแต่ปี 2566 บริษัทได้ทำการย้ายสำนักงานมายังอาคารแพลน บี ทาวเวอร์

การประเมินความเสี่ยงเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้ง 4 ด้าน

บริษัทดำเนินการประเมินความเสี่ยงและโอกาสด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการประเมินความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร โดยแต่ละหน่วยธุรกิจระบุปัจจัยความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ผ่าน Risk Champion และแบบ Top-down การประเมินผ่านคณะกรรมการกลยุทธ์องค์กร ครอบคลุมทั้งความเสี่ยงในปัจจุบันและที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) ตามกรอบการรายงานความเสี่ยงของคุณทำงานเปิดเผยข้อมูลการเงินที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures: TCFD) โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ และได้ผลการประเมินเบื้องต้น ดังนี้

ความเสี่ยง รายละเอียดความเสี่ยง ผลกระทบต่อบริษัท แนวทางการบริหารความเสี่ยง
ด้านกลยุทธ์
  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาวะเรือนกระจก อุณหภูมิที่สูงขึ้น สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง และการขาดแคลนน้ำและวัตถุดิบ
  • การเปลี่ยนแปลงกลุ่มเป้าหมายหรือพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปสนใจแบรนด์ที่เน้น ESG มากขึ้น
  • ความเสียหายต่อป้ายโฆษณาของบริษัท
  • ค่าใช้จ่ายและผลการดำเนินงานด้านไฟฟ้า
  • ชื่อเสียงด้านลบ หากป้ายโฆษณาในการขึ้นสื่อของแบรนด์ต่างๆ ได้รับความเสียหาย หรือเกิดการชำรุดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
  • พัฒนานวัตกรรมสื่อโฆษณาที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • สื่อสารจุดยืนด้านสิ่งแวดล้อมและ ESG กับผู้มีส่วนได้เสียอย่างโปร่งใส
  • ปรับแผนกลยุทธ์องค์กรให้ครอบคลุมแนวทาง Net Zero
ด้านการปฏิบัติงาน
  • ผลกระทบทางกายภาพทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรังจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น น้ำท่วม และภัยแล้ง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ และอุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลต่อความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานของสื่อ
  • ปัญหาในการติดตั้งหรือบำรุงรักษาสื่อโฆษณาในพื้นที่เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ
  • การหยุดชะงักของการให้บริการในพื้นที่ประสบภัย
  • ความล่าช้าในการก่อสร้างหรือติดตั้งป้ายโฆษณาสื่อภายในระยะเวลาที่กำหนด
  • ขั้นตอนการจัดการสินค้า เช่น การวางแผนซ่อมบำรุงป้ายโฆษณาที่ชำรุด
  • การขาดแคลนบุคลากร
  • ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสื่อโฆษณาที่ได้รับผลกระทบ
  • รายได้ลดลงจากการดำเนินธุรกิจที่หยุดชะงัก
  • ลูกค้าอาจเกิดความไม่พึงพอใจ
  • ประเมินความเสี่ยงและคุณภาพของสื่อโฆษณาอยู่อย่างสม่ำเสมอ
  • จัดทำแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP)
  • มีการใช้เทคโนโลยีหรือระบบตรวจสอบแบบ Real-time เพื่อเฝ้าระวัง ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นกับ สื่อโฆษณากลางแจ้ง
ด้านการเงิน
  • การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม/ความต้องการของลูกค้า/ผู้บริโภคที่ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมีเพิ่มมากขึ้น
  • ต้นทุนดำเนินงานและบำรุงรักษาเพิ่มขึ้นจากผลกระทบสภาพภูมิอากาศ
  • การลดลงของรายได้จากการดำเนินงาน
  • การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน
  • ใช้พลังงานหรือระบบประหยัดพลังงานเพื่อลดต้นทุนระยะยาว
ด้านกฎระเบียบ
  • ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย/กฎเกณฑ์ของภาครัฐเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมไปถึงความเสี่ยงจากการไม่ปฏิบัติตาม กฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ รวมถึง สัญญาและข้อตกลงต่างๆ
  • ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆภายในองค์กร เพื่อช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ติดตามความเคลื่อนไหวด้านกฎมายและนโยบายอย่างสม่ำเสมอ
  • จัดอบรมพนักงานเกี่ยวกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมและแรวทางการปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง
โอกาส รายละเอียดความเสี่ยง ผลกระทบต่อบริษัท แนวทางการบริหารความเสี่ยง
ผลิตภัณฑ์และบริการ
  • การเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์บริการสำหรับสินค้าบางชนิดที่ส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • เกิดนวัตกรรมในการผลิตป้ายโฆษณาและบริการ
  • เพิ่มชื่อเสียงด้านบวกจากการมีป้ายโฆษณาหรือบริการที่ส่งเสริมด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ส่งเสริมนวัตกรรมสื่อโฆษณาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของสื่อโฆษณาใหม่ๆ ก่อนเริ่มดำเนินการ
การตลาด
  • การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและช่องทางการตลาดที่ได้เปรียบคู่แข่งที่เกี่ยวกับด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ช่องทางในการโฆษณาการบริการ รวมถึงการเข้าถึงผู้ชมได้อย่างรวดเร็ว
  • ติดตามเทรนด์ความต้องการของตลาดในด้านสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด และวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค
การจัดการน้ำ

เป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะยาว (ปี 2568-2573)

  • บริษัทมุ่งมั่นบริหารจัดการลดปริมาณการใช้น้ำโดยรวมร้อยละ 10 ในปี 2574 เพื่อความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมและลดความเสี่ยงเรื่องปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของภาคส่วนต่างๆ ในระยะยาว
  • ไม่มีเหตุการณ์น้ำรั่วไหลหรือสูญเสียจากระบบเกินเกณฑ์ที่กำหนดในทุกพื้นที่ปฏิบัติงาน
  • ดำเนินการบำรุงรักษาระบบน้ำและตรวจสอบคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ

เป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะสั้น (ปี 2568)

  • บริษัทกำหนดเป้าหมายในการลดการใช้น้ำจาก Operation ร้อยละ 5-10 ภายในปี 2567 เทียบกับปีฐาน 2564
  • เพิ่มประสิทธิภาพการวัดและติดตามปริมาณการใช้น้ำ

ผลการดำเนินงานปี 2567

  • บริษัทมีปริมาณการใช้น้ำลดลงราว 1% จากปีก่อน อยู่ที่ 492 ลูกบาศก์เมตร
  • อัตราปริมาณการใช้น้ำภายในองค์กรต่อจำนวนพนักงานทั้งหมดลดลงมาอยู่ที่ 0.48 เท่า จาก 0.51 เท่าในปี 2566

แนวทางการบริหารจัดการน้ำ

บริษัทได้ดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดไว้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการใช้น้ำ ดังนี้:

  • การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ: ปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้น้ำ เช่น การตรวจสอบและควบคุมจุดใช้น้ำสำคัญ การติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำ และการกำหนดมาตรฐานการใช้น้ำในกิจกรรมต่าง ๆ ภายในองค์กร เพื่อลดการสูญเสียน้ำโดยไม่จำเป็น
  • การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse): ดำเนินการรวบรวมน้ำเสียจากกระบวนการผลิตหรืองานบริการ นำเข้าสู่ระบบบำบัดที่ได้มาตรฐาน และนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้ในกิจกรรมที่ไม่ต้องการคุณภาพน้ำสะอาด เช่น การล้างพื้น หรือการล้างอุปกรณ์ เพื่อลดการพึ่งพาน้ำจากแหล่งธรรมชาติ
  • การรับผิดชอบต่อคุณภาพน้ำทิ้ง: ควบคุมและตรวจสอบคุณภาพน้ำเสียอย่างต่อเนื่องให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ก่อนปล่อยน้ำคืนสู่แหล่งสาธารณะ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศและคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบ
  • การประเมินและบริหารความเสี่ยงด้านน้ำ: เฝ้าติดตามแนวโน้มความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งพัฒนามาตรการป้องกันและปรับตัว เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องในสถานการณ์ที่ท้าทาย
  • การสร้างความตระหนักและมีส่วนร่วม: สนับสนุนการสร้างจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์น้ำในหมู่พนักงานผ่านกิจกรรมอบรมและรณรงค์ภายในองค์กร รวมถึงการส่งเสริมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าในทุกระดับการดำเนินงาน

มาตราการส่งเสริมประสิทธิภาพในการใช้น้ำ

ในปี 2567 บริษัทได้ดำเนินการกำหนดแนวทางสำหรับการบริหารจัดการน้ำอย่างมีคุณค่า โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ภายใต้หลักการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า (Water Stewardship) เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

บริษัทดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การใช้น้ำในกิจกรรมภายในองค์กร การบำบัดและควบคุมคุณภาพน้ำเสีย ไปจนถึงการปล่อยน้ำคืนสู่สาธารณะ โดยมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำเสียอย่างเข้มงวดผ่านห้องปฏิบัติการวิเคราะห์เอกชนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และได้รับการรับรองมาตรฐานตามหลักเกณฑ์ GLP/DIW เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำเสียที่ปล่อยออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะมีคุณภาพเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำ บริษัทได้ดำเนินโครงการและมาตรการส่งเสริมต่าง ๆ ดังนี้:

  • บริษัทจัดทำแผนบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบประปาอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ลดความเสี่ยงที่อุปกรณ์จะชำรุด และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำภายในบริษัท
  • การเปลี่ยนก๊อกน้ำล้างมือจากระบบธรรมดาเป็นแบบอัตโนมัติ (Sensor Tap) ช่วยลดปริมาณน้ำที่ใช้โดยไม่จำเป็น
  • รณรงค์สร้างจิตสำนึกในการใช้น้ำของพนักงานภายในองค์กร
  • การหาแหล่งจัดเก็บน้ำฝนเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น การรดน้ำต้นไม้

สถิติปริมาณการใช้น้ำของบริษัท

  ผลการดำเนินงาน
ปี 2565
ผลการดำเนินงาน
ปี 2566
ผลการดำเนินงาน
ปี 2567
เป้าหมาย
ปี 2568
เป้าหมาย
ระยะยาว

ปริมาณการใช้น้ำ (ลบ.ม)

360 493 492 480 450

อัตราการเติบโต (%)

-21% +37% -1% - -
หมายเหตุ: ตั้งแต่ปี 2566 บริษัทได้ทำการย้ายสำนักงานมายังอาคารแพลน บี ทาวเวอร์
การจัดการของเสีย

บริษัทตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคมโดยรอบในทุกขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในด้าน การจัดการของเสีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเด็นด้านความยั่งยืนที่มี ความสำคัญต่อธุรกิจของบริษัททั้งทางตรงและทางอ้อม

ในเชิงธุรกิจ หากไม่มีการบริหารจัดการของเสียอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่

  • ความเสี่ยงด้านกฎหมายและการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม
  • ความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงขององค์กร
  • การเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว
  • การสูญเสียโอกาสทางธุรกิจจากคู่ค้าที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ในเชิงคุณภาพ บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการของเสียประเภทต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะวัสดุจากป้ายโฆษณา เช่น ไวนิลที่ใช้งานแล้ว ซึ่งอาจก่อให้เกิดมลภาวะต่อชุมชนหากไม่มีการกำจัดอย่างถูกต้อง บริษัทจึงได้ดำเนินการภายใต้หลัก Circular Economy โดยมุ่งเน้น “3R” ได้แก่ Reduce, Reuse, และ Recycle พร้อมทั้งมุ่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อยืดอายุการใช้งานวัสดุและเพิ่มมูลค่าของเสีย เช่น การนำไวนิลที่ใช้งานแล้วไปผลิตเป็นกระเป๋า ถุงผ้า หรือวัสดุตกแต่งชุมชน ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปริมาณของเสียเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

ในเชิงปริมาณ ในปี 2567 บริษัทสามารถ

  • ลดการใช้ป้ายไวนิลใหม่ได้กว่า 15% จากการวางแผนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพและการใช้ซ้ำวัสดุ
  • นำวัสดุโฆษณาที่ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลมากกว่า 12 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 18 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO₂e)
  • คัดแยกขยะทั่วไปในสำนักงานได้มากกว่า 3 ตันต่อปี โดยนำส่งให้หน่วยงานท้องถิ่นจัดการอย่างถูกวิธี และสามารถจำหน่ายขยะรีไซเคิลกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนได้

นอกจากนี้ บริษัทได้ติดตั้งถังขยะแยกประเภทครอบคลุมพื้นที่สำนักงานใหญ่และคลังสินค้า รวมถึงจัดการขยะอันตรายและขยะเปียกให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนมีแนวทางศึกษาการนำขยะเปียกไปผลิตเป็นก๊าซชีวภาพในอนาคต เพื่อขยายผลการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

แนวทางการจัดการของเสียที่เป็นระบบและต่อเนื่องนี้ ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม แต่ยังเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัทในฐานะองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม และช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสียในระยะยาว

เป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะยาว (ปี 2568-2573)

  • การจัดการขยะภายในบริษัทผ่านกระบวนการ “Zero Waste to Landfill” โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำขยะกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตให้ได้มากที่สุด
  • นำวัสดุโฆษณาที่ใช้แล้วกลับมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์มากกว่า 25,000 ตารางเมตรต่อปี

เป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะสั้น (ปี 2568)

  • การนำไวนิลเหลือใช้หรือหมดสัญญาของลูกค้าแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์
  • ติดตั้งจุดคัดแยกขยะต้นทางให้ครอบคลุมพื้นที่สำนักงานหลัก

ผลการดำเนินงานปี 2567

  • ปริมาณไวนิลที่ส่งมอบให้แก่องค์กรและภาคเอกชนต่างๆ ในปี 2567 มากถึง 23,688 ตารางเมตร คิดเป็น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 137.27 ตัน CO₂e และประหยัดค่ากำจัดของเสียกว่า 118,340 บาท/ปี
  • ปริมาณขยะของเสียภายในองค์กรรวมทั้งสิ้น 14 ตัน
  • ส่วนของป้ายโฆษณาที่เก่าและชำรุด บริษัทจะนำไปทิ้งและกำจัดโดยหน่วยงานของ กทม.

โครงการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการของเสีย

  • การคัดแยกขยะ
    บริษัทตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศจึงมีการรณรงค์และขอความร่วมมือในการคัดแยกขยะเพื่อช่วยลดปริมาณขยะลง และช่วยลดมลภาวะที่เป็นพิษ โดยบริษัทได้มีการติดตั้งถังขยะแบบแยกประเภทให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งอาคารสำนักงานใหญ่ และโกดังตามจุดต่าง และแยกขยะทั่วไปและขยะพิษแยกเก็บทิ้งให้กทม. รวมไปถึงนำขยะรีไซเคิลมาจำหน่ายต่อ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะลง สามารถนำขยะเปียกไปทำเป็นเชื้อเพลิงหรือก๊าซชีวภาพได้ และเพิ่มความปลอดภัยต่อขยะที่เป็นอันตราย
  • Zero Waste Process ลดพลังงานในการกำจัดภาพโฆษณาเก่าไวนิล (Vinyl)
    บริษัทมีนโยบายลดการกำจัดป้ายโฆษณาไวนิลผ่านการฝังกลบหรือเผาไหม้ และเปลี่ยนเป็นการ “ต่อยอดเพื่อสร้างคุณค่า” โดยได้ดำเนินโครงการร่วมกับหน่วยงานและชุมชนต่าง ๆ เพื่อสร้างอาชีพและประโยชน์ทางสังคมอย่างยั่งยืน รวมปริมาณไวนิลที่ส่งมอบในปี 2567 มากถึง 23,688 ตารางเมตร คิดเป็น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 137.27 ตัน CO₂e และประหยัดค่ากำจัดของเสียกว่า 118,340 บาท/ปี รายละเอียดดังนี้
  1. สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดนนทบุรี
    บริษัทส่งมอบไวนิลที่ไม่ได้ใช้งาน จำนวน 6,817 ตารางเมตร เพื่อนำไปผลิตกระเป๋าและพัฒนาทักษะศักยภาพของบุคคลในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดนนทบุรี
  2. วิสาหกิจชุมชนทุ่งเศรษฐี จังหวัดขอนแก่น
    บริษัทส่งมอบไวนิลที่ไม่ได้ใช้งาน จำนวน 1,276 ตารางเมตร เพื่อนำไปผลิตกระเป๋าเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่คนในชุมชน อีกทั้งวิสาหกิจชุมชนทุ่งเศรษฐี จังหวัดขอนแก่นยังได้มีส่วนร่วมในการนำไวนิลที่ไม่ได้ใช้งานไปจัดทำชุดให้แก่ผู้เข้าประกวด Miss Universe Thailand 2024 ในรอบการประกวดระดับภูมิภาค
  3. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
    บริษัทส่งมอบไวนิลที่ไม่ได้ใช้งาน จำนวน 1,440 ตารางเมตร เพื่อนำไปให้นักศึกษาของมหวิทยาลัยฯ ออกแบบการแปรรูปและพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์
  4. หมู่บ้านป่าเป้าทอง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
    บริษัทส่งมอบไวนิลที่ไม่ได้ใช้งาน จำนวน 12,507 ตารางเมตร เพื่อนำไปใช้งานในด้านการเกษตรปูรองเพื่อตากข้าวและคลุมฟางหลังการเก็บเกี่ยวประจำฤดู
  5. อื่นๆ
    บริษัทส่งมอบไวนิลที่ไม่ได้ใช้งาน จำนวน 1,630 ตารางเมตร

ปริมาณไวนิลที่ใช้แล้วและนำมาต่อยอดเพื่อสร้างคุณค่า

  ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564-65 ปี 2566 ปี 2567

พื้นที่ป้ายไวนิลที่ใช้แล้ว (ตารางเมตร)

14.499 13,239 5,036 18,858 23,688

น้ำหนักของป้ายไวนิลที่ใช้แล้ว (ตัน)

7.25 6.62 2.52 9.30 11.83

แผนการจัดการของเสียในอนาคต: การบริหารจัดการขยะฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill)

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และระบบนิเวศในระยะยาว บริษัทจึงมีแผนที่จะดำเนิน โครงการการบริหารจัดการขยะฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการของเสียให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และลดปริมาณของเสียที่ถูกส่งไปยังหลุมฝังกลบให้น้อยที่สุด โดยบริษัทมีแผนที่จะวางระบบบริหารจัดการของเสียโดยแบ่งประเภทการจัดการไว้ล่วงหน้า ดังนี้

  • ขยะรีไซเคิล (Recyclable Waste) เช่น ขวดพลาสติก กระป๋องอะลูมิเนียม และกล่องบรรจุภัณฑ์ จะถูกจัดเก็บแยกและส่งต่อให้กับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิล เพื่อนำกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่
  • กระดาษใช้แล้ว (Used Paper) จะถูกรวบรวมและส่งให้หน่วยงานรับรีไซเคิล เพื่อใช้ในการผลิตกระดาษใหม่ ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
  • ขยะอินทรีย์ (Organic Waste) เช่น เศษอาหาร ใบไม้ และกากกาแฟ ซึ่งบริษัทมีแผนจะร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์หรือพลังงานทดแทนในระยะถัดไป
  • ขยะอันตราย (Hazardous Waste) เช่น หลอดไฟ แบตเตอรี่ และหมึกพิมพ์ บริษัทมีแผนจะจัดตั้งระบบแยกขยะอันตรายและส่งกำจัดผ่านผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันมลพิษและความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม

แผนสนับสนุนการดำเนินการและเป้าหมายของโครงการ

  • ลดปริมาณของเสียที่ส่งไปฝังกลบให้เหลือ ศูนย์ (Zero Waste to Landfill) ในพื้นที่ปฏิบัติงานหลัก
  • ติดตั้ง จุดคัดแยกขยะต้นทาง ภายในสำนักงานและคลังเก็บอุปกรณ์
  • จัดอบรมพนักงานเพื่อสร้างความเข้าใจในหลัก 3R (Reduce, Reuse, Recycle)

สถิติปริมาณของเสียของบริษัท

  ผลการดำเนินงาน
ปี 2565
ผลการดำเนินงาน
ปี 2566
ผลการดำเนินงาน
ปี 2567
เป้าหมาย
ปี 2568
เป้าหมาย
ระยะยาว

ปริมาณของเสียทั้งหมด (ตัน)

N/A 14 14 10 10

อัตราการเติบโต (%)

- - - -

- ปริมาณของเสียไม่อันตราย (ตัน)

N/A 14 14 10 10

- ปริมาณของเสียอันตราย (ตัน)

N/A - - - -

สถิติปริมาณของเสียที่เกิดจากการผลิตป้ายโฆษณา

  ผลการดำเนินงาน
ปี 2565
ผลการดำเนินงาน
ปี 2566
ผลการดำเนินงาน
ปี 2567
เป้าหมาย
ปี 2568
เป้าหมาย
ระยะยาว

ปริมาณของเสียทั้งหมด (ตัน)

279,010 602,741 649,917 <620,000 <600,000

อัตราการเติบโต (%)

- 116.03 7.83 - -
นโยบายการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม (ปรับปรุงครั้งที่ 1)