อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน

แพลนบีตระหนักดีว่าความรับผิดชอบต่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อความยั่งยืนและความสำเร็จขององค์กรในระยะยาว บริษัทจึงมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ปลอดจากอุบัติเหตุ โดยให้ความสำคัญสูงสุดต่อสวัสดิภาพของพนักงาน คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม บริษัทดำเนินการพัฒนามาตรฐานด้านความปลอดภัย สุขภาพ และสวัสดิการของบุคลากรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการป้องกัน การตรวจสอบ และการฟื้นฟู พร้อมทั้งกำหนดนโยบายด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Occupational Health & Safety Policy) ที่ครอบคลุมถึงพนักงาน ผู้รับเหมา คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของบริษัท

เป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะยาว (ปี 2568-2573)

  • พนักงานส่วนปฏิบัติการของบริษัทและคู่ค้าในอัตราร้อยละ 100 ได้รับการฝึกอบรมตามมาตรฐานความปลอดภัย
  • ลดการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเป็นศูนย์ (Zero Accident)
  • สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ยั่งยืนภายในองค์กร

เป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะสั้น (ปี 2568)

  • จัดฝึกอบรมด้านความปลอดภัยให้กับพนักงานเป็นประจำทุกปี
  • ไม่มีอุบัติเหตุจากการทำงาน
  • ไม่มีอุบัติเหตุ หรืออัตราบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงาน

ผลการดำเนินงานปี 2567

  • จัดทำมาตรการด้านความปลอดภัยแก่พนักงานส่วนปฏิบัติการ
  • ไม่มีอุบัติเหตุจากการทำงาน
  • ไม่มีอุบัติเหตุ หรืออัตราบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงาน

บริษัทมีแนวทางเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการเป็นองค์กรที่ปลอดจากอุบัติเหตุ (Zero Accident Organization) โดยดำเนินมาตรการเชิงป้องกันอย่างรอบด้าน ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการวางแผน การดำเนินงาน ไปจนถึงการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ดังนี้

  1. การควบคุมความเสี่ยงในกระบวนการปฏิบัติงาน (Operational Risk Control)
    บริษัทดำเนินการควบคุมสภาพแวดล้อมการทำงานให้มีความปลอดภัยสูงสุด เช่น การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอันตราย การกำหนดเขตอันตราย การบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และการตรวจสอบพื้นที่ปฏิบัติงานเป็นประจำ
    ความเสี่ยงที่อาจะเกิดขึ้น อุบัติเหตุจากการทำงาน เช่น การลื่นล้ม การถูกหนีบหรือกระแทกจากเครื่องจักร หรือการสัมผัสกับวัสดุอันตราย หากไม่มีมาตรการควบคุมที่เพียงพอ อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือหยุดชะงักในการปฏิบัติงานของทั้งพนักงานและผู้รับเหมา
  2. การใช้และดูแลอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment – PPE)
    พนักงานและผู้รับเหมาทุกคนต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลตามลักษณะของงานอย่างเคร่งครัด เช่น เสื้อกั๊กสะท้อนแสง หมวกนิรภัย ถุงมือ แว่นตานิรภัย เข็มขัดกันตก และหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งจัดให้มีการอบรมการใช้งานอย่างถูกวิธีและต่อเนื่อง
    ความเสี่ยงที่อาจะเกิดขึ้น หากไม่มีการใช้ PPE อย่างถูกต้อง อาจเพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เช่น การบาดเจ็บทางตา ระบบทางเดินหายใจ หรือการตกจากที่สูง ซึ่งอาจกระทบต่อสุขภาพและสวัสดิภาพของทั้งพนักงานและคู่ค้า
  3. การฝึกอบรมและการซ้อมแผนฉุกเฉิน (Training & Emergency Drill)
    บริษัทจัดการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยเป็นประจำทุกปี เพื่อปลูกฝังความตระหนักด้านความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการทำงาน พร้อมจัดการซ้อมแผนฉุกเฉิน เช่น แผนดับเพลิง แผนอพยพหนีไฟ และแผนตอบสนองต่อสารเคมีรั่วไหล เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน
    ความเสี่ยงที่อาจะเกิดขึ้น หากไม่มีการเตรียมความพร้อมและการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้พนักงานและคู่ค้าไม่สามารถตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที นำไปสู่การบาดเจ็บ สูญเสียทรัพย์สิน หรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น

    - การจัดกิจกรรม “5ส”

    - หลักสูตรดับเพลิงขั้นต้น และฝึกซ้อมอพยพหนีไฟเป็นประจำทุกปี

    - การจัดอบรมเรื่องความปลอดภัยและความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับไฟฟ้า

    - การจัดอบรมเรื่องความปลอดภัยในการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า

    - การจัดอบรมเรื่องการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED)

    - การจัดอบรมเรื่องความปลอดภัยในการทำงานกับความร้อนและประกายไฟ (Hot Work)

    - การจัดอบรมเรื่องความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง (High Work)

    - การจัดอบรมเรื่องการปฐมพยาบาลและการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (First Aid & CPR)

    - การจัดอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับหัวหน้างาน

มาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ อนามัย และความปลอดภัย

จากการประเมินความเสี่ยงตามลักษณะงานของบริษัท บริษัทมีการดำเนินการประเมินความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องใน ทุกขั้นตอนของการปฏิบัติงาน เพื่อระบุปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในงานที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้ง ดูแล หรือบำรุงรักษาสื่อโฆษณาในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งมีลักษณะเสี่ยง ทั้งจากสิ่งแวดล้อมกายภาพ, การทำงานในระดับสูง, และ การสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือโครงสร้างขนาดใหญ่

จากการประเมินความเสี่ยงดังกล่าว บริษัทได้กำหนดมาตรการป้องกันที่แตกต่างกันตามกลุ่มผู้ปฏิบัติงาน ดังนี้

มาตรการสำหรับพนักงาน

  1. การวางแผนความปลอดภัยก่อนปฏิบัติงาน (Pre-task Hazard Assessment)
    • พนักงานภาคสนามต้องทำ Checklist ความปลอดภัยก่อนเริ่มงาน ทุกครั้ง เช่น ตรวจสอบความมั่นคงของโครงสร้างป้าย ตรวจจุดกระแสไฟฟ้า และประเมินสภาพอากาศ
    • หากพบความเสี่ยงระดับสูง มีสิทธิเข้าสู่กระบวนการ “Stop Work Authority” เพื่อหยุดงานได้ทันทีโดยไม่ถูกลงโทษ
  2. การใช้ PPE ตามประเภทงาน
    • ตัวอย่าง เมื่อต้องปีนขึ้นโครงสร้างป้ายบนทางด่วน ต้องใส่หมวกนิรภัย, เข็มขัดกันตก (Full Body Harness), ถุงมือกันลื่น, และรองเท้านิรภัยแบบกันไฟฟ้าสถิตย์
    • พนักงานทุกคนต้องผ่านการอบรมการใช้งาน PPE อย่างถูกต้อง ปีละอย่างน้อย 1 ครั้ง
  3. การควบคุมสภาพแวดล้อมและการแจ้งเตือนความเสี่ยง
    • บริษัทติดตั้ง ป้ายเตือนอันตราย, แนวกั้นพื้นที่ทำงาน, และ สัญญาณไฟกระพริบ สำหรับงานกลางคืนหรือในพื้นที่สาธารณะ เช่น ทางเท้าและริมถนน
  4. การตรวจสุขภาพและสภาพร่างกาย
    • พนักงานภาคสนามต้องผ่าน การตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะด้านสายตา ความดัน และภาวะสมรรถภาพร่างกายสำหรับงานที่ต้องปีนขึ้นที่สูง
    • หากพบพนักงานมีข้อจำกัดด้านร่างกาย จะได้รับการปรับเปลี่ยนหน้าที่โดยไม่กระทบต่อสิทธิประโยชน์

มาตรการสำหรับผู้รับเหมา / คู่ค้า

  1. การกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยใน TOR/สัญญา
    • ทุกโครงการที่มีการว่าจ้างผู้รับเหมาต้องมีการแนบท้าย ข้อกำหนดด้านความปลอดภัย (Safety Specification) ชัดเจน เช่น การใช้วัสดุที่ผ่านมาตรฐาน, จำนวนแรงงานต่อพื้นที่, และการใช้ PPE
  2. การอบรมและแจ้งแนวปฏิบัติก่อนเริ่มงาน
    • ผู้รับเหมาและพนักงานของคู่ค้าทุกคนต้องผ่านการ อบรมความปลอดภัยก่อนเข้าพื้นที่ (Safety Induction) โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง เช่น ทางด่วน, สถานีรถไฟฟ้า, หรือพื้นที่โครงสร้างสูง
    • ตัวอย่าง บริษัทจัด Safety Briefing ก่อนงานติดตั้งสื่อในสนามกีฬา โดยอธิบายตำแหน่งความเสี่ยง จุดหลีกเลี่ยง และขั้นตอนแจ้งเหตุฉุกเฉิน
  3. การตรวจสอบและควบคุมหน้างานร่วมกับหัวหน้างานบริษัท
    • ทีมปฏิบัติการของบริษัทจะตรวจสอบหน้างานร่วมกับผู้รับเหมา เช่น ตรวจสภาพสายไฟ, ความมั่นคงของโครงป้าย, การสวมใส่ PPE ของแรงงาน
    • กรณีพบว่ามีการละเลย บริษัทมีสิทธิ “สั่งหยุดงาน” ได้ทันที และบันทึกในระบบประเมินคู่ค้า
  4. การประเมินและเยี่ยมตรวจความปลอดภัยของคู่ค้ารายสำคัญ
    • คู่ค้าที่จัดอยู่ในกลุ่ม Critical Supplier ที่เกี่ยวข้องกับงานภาคสนามจะต้องผ่านการ On-site Safety Audit อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
    • หากพบความเสี่ยงสะสมหรือเหตุการณ์ซ้ำซ้อน บริษัทจะจัดทำ แผนฟื้นฟูความปลอดภัย (Corrective Action Plan) ร่วมกับคู่ค้า

ตัวชี้วัดด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Occupational Health and Safety Indicators)

ตัวชี้วัด (หน่วย: คน) ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567 เป้าหมาย
ปี 2568
จำนวนการบาดเจ็บจากการทำงานที่มีความรุนแรงสูงถึงขั้นหยุดงาน (LTIFR)
- พนักงานของบริษัท 0 0 0 0
- ผู้รับเหมา / คู่ค้า 0 0 0 0
จำนวนการบาดเจ็บจากการทำงานที่ต้องได้รับการรักษาพยาบาล
- พนักงานของบริษัท 0 0 0 0
- ผู้รับเหมา / คู่ค้า 0 0 0 0
จำนวนผู้เสียชีวิตจากการบาดเจ็บเนื่องจากการทำงาน
- พนักงานของบริษัท 0 0 0 0
- ผู้รับเหมา / คู่ค้า 0 0 0 0
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และความเป็นอยู่ที่ดี

ปัจจุบัน การพัฒนาศักยภาพของพนักงานถือเป็นปัจจัยสำคัญที่องค์กรต้องให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โลกธุรกิจเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และแนวโน้มการทำงานรูปแบบใหม่ พนักงานจึงจำเป็นต้องมีความสามารถในการปรับตัวและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยเหตุนี้ แพลนบีจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกระดับ โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพของพนักงาน ภายใต้ความรู้สึกผูกพันกับค่านิยมองค์กร (PLANB Core Value) และตัวตนของแบรนด์ (Brand DNA) ผ่านการขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กรและค่านิยมหลักเรื่องความเชื่อมั่นในคุณค่าของความยั่งยืนในระยะยาว (Long-Term Sustainable Value)

โดยแพลนบียังได้จัดหลักสูตรการเรียนรู้และการพัฒนารวมถึงการยกระดับทักษะ (Upskill Program) สำหรับผู้นำองค์กรและพนักงาน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพ โดยบริษัทได้จัดทำแผนการสืบทอดตำแหน่งและการพัฒนาสายอาชีพ (Succession and Career Development Program) เพื่อใช้ในการพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพและผู้สืบทอดตำแหน่งให้สอดคล้องกับเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) และเพิ่มจำนวนผู้สืบทอดภายในองค์กร บริษัทตั้งเป้าหมายให้ตำแหน่งสำคัญในบริษัทต้องได้รับการคัดเลือกจากพนักงานภายในองค์กรร้อยละ 100 โดยตั้งเป้าที่จะบรรลุผลภายในปี 2570

เป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะยาว (ปี 2568-2573)

  • อัตราความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรในระดับไม่น้อยกว่าร้อยละ 90
  • อัตราการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความผูกพันของพนักงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 100
  • ส่งเสริมให้พนักงานเข้าร่วมการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะเพิ่มขึ้น
  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรการ Feedback อย่างเปิดใจภายในองค์กร

เป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะสั้น (ปี 2568)

  • อัตราความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรในระดับไม่น้อยกว่าร้อยละ 90
  • อัตราการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความผูกพันของพนักงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 95
  • ส่งเสริมให้พนักงานเข้าร่วมการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะเพิ่มขึ้น
  • มีการจัดกิจกรรมภายในองค์กรเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมภายในองค์กร
  • พนักงานร้อยละ 100 รับทราบเป้าหมายรายบุคคล (KPI) ที่สอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร

ผลการดำเนินงานปี 2567

  • อัตราความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรในระดับร้อยละ 89
  • อัตราการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความผูกพันของพนักงานอยู่ที่ร้อยละ 96
  • พนักงานทุกคนได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานและได้รับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร
  • จำนวนชั่วโมงการอบรบของพนักงานเฉลี่ยต่อคนภายในองค์กรเพิ่มขึ้นร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับปีก่อน

การฝึกอบรมและแลกเปลี่ยนความรู้ภายในองค์กร

บริษัทให้ความสำคัญกับการเปิดโอกาสและต่อยอดทักษะให้กับพนักงาน รวมไปถึงการพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเท่าทันสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยกระบวนการพัฒนาทักษะนั้นเรามุ่งเน้นทั้งการพัฒนาทักษะเดิมที่มีอยู่ และการเรียนรู้เสริมทักษะใหม่ ในปี 2567 บริษัทมีการพัฒนาหลักสูตรอบรมมาอย่างมากมายครอบคลุมพนักงานในทุกระดับและสายงาน เพื่อให้พนักงานสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองตามขอบข่ายหน้าที่งาน ดังนี้

ภาวะผู้นำ (Leadership)

  • ผู้นำในตนเอง (Leading oneself)
  • การทำงานเป็นทีม (Team collaboration)
  • เจาะจุดแข็ง: ค้นหาพรสวรรค์และจุดแข็งในการทำงาน (Leading with strengths finder)

ทักษะธุรกิจ (Business Essential)

  • ปฐมนิเทศพนักงานใหม่ (First Day Orientation)
  • ความรู้ธุรกิจสื่อโฆษณา & กีฬาของแพลนบี (Plan B Business Acumen OOH & Sports)
  • กระตือรือร้นอย่างเข้าใจผู้อื่น (A.Active with Empathy)
  • คิดเติบโตแบบ Growth Mindset (ปรับเปลี่ยนเพื่อเปลี่ยนแปลง) (G.Growth Mindset)
  • วิธีการให้และรับฟีดแบ็ค ฉบับแพลนบี (Plan B Feedback Culture)
  • การบริหารเวลาและจัดลำดับความสำคัญ (Time Management and Prioritization)
  • การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking)
  • วิธีใช้ระบบประเมินผลงาน ฉบับแพลนบี (Plan B Performance Culture)
  • เทคนิคการคัดเลือกและสัมภาษณ์พนักงาน (Professional Interview)
  • การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

ทักษะตามสายงาน (Expertise)

  • เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน
  • ความรู้เกี่ยวกับระบบงานและบริการของฝ่ายกฎหมาย (LDR: Legal Document Request)
  • ความรู้งานผลิตป้ายบิลบอร์ด และภาษีป้าย (Billboard Production & Signboard Tax)

ดิจิทัลเทคโนโลยี (DigiTech)

  • Cyber Security วิธีป้องกันและการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์
  • การใช้อีเมลและระบบ Google Workspace อย่างมืออาชีพ (Google Workspace by Tangerine)
  • จับมือทำเข้าใจ AI ครบจบใน 2 ชั่วโมง (AI-First Culture Workshop)

ข้อมูลและการออกแบบ (Data & Design)

  • การวิเคราะห์ข้อมูลให้เป็นรายงาน Dashboard (Data Visualization for Business Insight)

อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Safety)

  • ความปลอดภัยและไฟฟ้าเบื้องต้น (ไฟฟ้าเล่ม 1) (Safety of Work on Electrical 1)
  • ความปลอดภัยและไฟฟ้าเบื้องต้น (ไฟฟ้าเล่ม 2) (Safety of Work on Electrical 2)
  • ความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง (High Work)
  • ความปลอดภัยในการทำงานกับความร้อนและประกายไฟ (Hot Work)
  • การปฐมพยาบาล และการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (First Aid & CPR)
  • การดับเพลิงขั้นต้น ฝึกซ้อมดับเพลิง และฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ (Basic Fire Fighting and Evacuation Fire Drill)
การเคารพสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติต่อแรงงาน

สิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิพื้นฐานในความเป็นมนุษย์ที่ทุกคนพึงได้รับอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม การละเมิดสิทธิมนุษยชนอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและภาพลักษณ์ขององค์กร แพลนบีจึงให้ความสำคัญสูงสุดต่อการเคารพสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้เสียตลอดโซ่คุณค่าขององค์กร โดยการยึดหลักสิทธิมนุษยชนและปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับสากล เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงการเกิดเหตุการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชน

บริษัทยึดถือและเคารพสิทธิมนุษยชนในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ระดับปฏิบัติงานไปจนตลอดห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท เราตระหนักดีว่าบริษัทมีอำนาจควบคุมการปฏิบัติงานซึ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิของพนักงานภายใต้กลุ่มบริษัท เราจึงมุ่งมั่นตั้งใจปกป้องสิทธิมนุษยชนของพนักงาน ตามหลักปฏิญญาสากลและหลักการที่เกี่ยวข้องทั้งกฎหมายไทยและหลักสากล ไม่ว่าจะเป็นพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights), หลักการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights) และปฏิญญาว่าด้วยหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (The International Labor Organization Declaration on Fundamental Principles and Rights at Work) รวมไปถึงกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่เปราะบาง เช่น พนักงานชั่วคราว พนักงานปฏิบัติการ หรือ พนักงานของคู่ค้า เพื่อให้ได้มั่นใจว่าทุกคนได้รับการดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเท่าเทียม

การบริหารจัดการสิทธิมนุษยชน

  • การประกาศนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน: บริษัทมีนโยบายสิทธิมนุษยชนที่ครอบคลุมพนักงาน คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยผนวกไว้ในจรรยาบรรณทางธุรกิจ
  • การประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น: ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนตามแนวทาง HRDD โดยครอบคลุมความเสี่ยงจริงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
  • บูรณาการสิ่งที่ค้นพบและดำเนินการตามความเหมาะสม: ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนได้รับการบูรณาการในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารงานบุคคล และการเลือกคู่ค้า
  • ติดตามและสื่อสารประสิทธิภาพ: มีการติดตามผลกระทบ และรายงานผลต่อผู้บริหาร รวมถึงผู้มีส่วนได้เสีย
  • แก้ไขผลกระทบ: เปิดช่องทางร้องเรียนที่ปลอดภัย พร้อมระบบคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสภายใต้ Whistleblower Policy

ทั้งนี้ บริษัทจัดให้มีช่องทางสำหรับพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียในการรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนผ่านการแจ้งด้วยวาจาหรือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อหัวหน้างานหรือฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือช่องทางแจ้งเบาะแสตามคู่มือการกำกับดูแลกิจการ โดยผู้แจ้งเรื่องจะได้รับการคุ้มครองตามนโยบาย Whistleblower Policy บริษัทจะดำเนินการสอบสวนตามกระบวนการที่โปร่งใส และดำเนินมาตรการทางวินัยหรือทางกฎหมายตามความเหมาะสมในกรณีที่พบการละเมิด

ในปี 2567 บริษัทได้จัดการฝึกอบรมผ่านรูปแบบออนไลน์เพื่อให้ความรู้พนักงานเกี่ยวกับข้อมูลด้านสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน รวมถึงความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญและเกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่คุณค่าของการประกอบธุรกิจ เช่น การเลือกปฏิบัติ และการล่วงละเมิดในที่ทำงาน นอกจากนี้ พนักงานยังได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการของการตรวจสอบความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน นโยบายเรื่องการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนของบุคคลอื่น และนโยบายเรื่องความหลากหลายและการยอมรับความหลากหลาย ในกรณีที่เกิดการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน ผู้มีส่วนได้เสียสามารถแจ้งเหตุหรือเบาะแสผ่านการแจ้งเรื่องร้องเรียนที่บริษัทได้กำหนด เพื่อดำเนินการตามกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริง

โดยในปี 2567 บริษัทไม่ได้รับข้อร้องเรียนหรือการแจ้งเหตุเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่มีเหตุการณ์เลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิดที่เกิดขึ้นในองค์กร ทั้งนี้ บริษัทมีกระบวนการระบุความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (HRDD) ตามกระบวนการ เกณฑ์การประเมินความเสี่ยง การจัดลำดับความสำคัญประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงมาตรการบรรเทาผลกระทบและป้องกัน อย่างรอบด้าน ทั้งนี้ ท่านนักลงทุนสามารถศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการระบุความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (HRDD) ได้บนเว็บไซต์ของบริษัท

แผนผังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน

โดยให้กรรมการสิทธิมนุษยชนเป็นผู้กำกับดูแลการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนเพื่อให้มั่นใจว่ากรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัททุกคนยึดถือและปฏิบัติตามนโยบายสิทธิมนุษยชน รวมทั้งให้ความเคารพต่อความเป็นปัจเจกชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยมีแนวทางและหลักปฏิบัติของนโยบายสิทธิมนุษยชน ดังนี้

  1. เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนต่อบุคคลอื่นอย่างเท่าเทียม ให้เกียรติซึ่งกันและกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ อันเนื่องมาจากความแตกต่างในด้านเชื้อชาติ ถิ่นกำเนิด ศาสนา ความเชื่อ เพศ สีผิว ภาษา เผ่าพันธุ์ สถานะทางสังคม หรือสถานที่อื่นใดต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายในทุกพื้นที่ที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ
  2. ให้ปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งทางตรงและทางอ้อม
  3. ร่วมกันสอดส่องดูแล ระบุ และประเมินความเสี่ยง รวมถึงผลกระทบทางด้านสิทธิมนุษยชนในกิจกรรมทางธุรกิจอย่างรอบด้าน เป็นประจำสม่ำเสมอ ทั้งนี้ การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืน (ESG Risk) และมีขั้นตอนในการประเมินเช่นเดียวกับการประเมินความเสี่ยงด้านอื่นๆ
  4. สนับสนุนและส่งเสริมเรื่องสิทธิมนุษยชนในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายในทุกรูปแบบ โดยให้มีส่วนร่วมเคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน
  5. เมื่อบริษัทสื่อสาร เผยแพร่ ให้ความรู้เกี่ยวกับด้านสิทธิมนุษยชนผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ภายในองค์กรให้ทำความเข้าใจต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้การสนับสนุนคู่ค้าและผู้ร่วมธุรกิจ เพื่อให้มีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจโดยเคารพและปฏิบัติต่อบุคคลอื่นตามหลักสิทธิมนุษยชน
  6. สอดส่องดูแลเรื่องการเคารพสิทธิมนุษยชน ไม่ละเลย เพิกเฉย เมื่อพบเห็นการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับบริษัท โดยให้ผู้พบเห็นการกระทำดังกล่าวหรือผู้ถูกล่วงละเมิดรายงานต่อผู้บังคับบัญชาหรือแจ้งไปยังช่องทางที่กำหนดไว้สำหรับการแจ้งเรื่องร้องเรียนหรือเบาะแสการกระทำผิด (Whistleblowing) ตามหลักจรรยาบรรณทางธุรกิจของบริษัท
  7. บริษัทมีความตั้งใจที่จะเยียวยาผู้ที่โดนละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง โดยมีกระบวนการเยียวยาบรรเทาผลกระทบที่เหมาะสมและมีประสิทธิผลตามหลักความยุติธรรมและความเสมอภาค และมีนโยบายปฏิบัติต่อข้อร้องเรียนใดๆ ก็ตามที่บริษัทได้รับอย่างเข้มงวดจริงจัง โดยบริษัทจะรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้ข้อมูลเป็นความลับในทุกกรณี และให้ความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่ถูกล่วงละเมิด ทั้งนี้ หากข้อร้องเรียนได้รับการพิสูจน์ยืนยันว่าเป็นความจริง บริษัทจะดำเนินการตามมาตรการเยียวยา กล่าวคือ การลงโทษทางวินัยต่อผู้กระทำผิดถึงขั้นพักงานหรือเลิกจ้าง รวมถึงดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งกำหนดแนวทางในการติดตาม ตรวจสอบและจัดการอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ เมื่อมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นต้องพิจารณาความรับผิดชอบโดยเร็ว
การบริหารความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในองค์กรและห่วงโซ่คุณค่า

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการเคารพและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในทุกขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ ทั้งในระดับภายในองค์กรและในห่วงโซ่คุณค่า โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น พนักงานภาคสนาม กลุ่มผู้รับเหมาช่วง คู่ค้าแรงงาน และชุมชนโดยรอบ

เพื่อให้การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากล บริษัทจึงดำเนินการตามหลักการของ UN Guiding Principles on Business and Human Rights (UNGPs), GRI Standards และแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (NAP BHR ประเทศไทย) โดยบริษัทได้ระบุประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ พร้อมแนวทางการจัดการ และจำแนกตามกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อให้สามารถวางแผนบริหารความเสี่ยง และจัดการข้อร้องเรียนได้อย่างเป็นระบบ

ความเสี่ยงภายในองค์กร (Own Operations)

ประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง แนวทางลดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ
  • การทำงานภาคสนามในพื้นที่เสี่ยง (เช่น บนทางเท้าถนน หรือบนโครงสร้างสูง) ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของพนักงาน
พนักงาน
  • จัดหาเสื้อสะท้อนแสงและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล
  • จัดทำแนวทางความปลอดภัยภาคสนาม และกำหนดจุดติดตั้งตามมาตรฐาน
  • ตรวจสุขภาพประจำปี
  • ความไม่เป็นธรรมในการจ้างงานและการเข้าถึงสวัสดิการขั้นพื้นฐาน
พนักงาน
  • ให้สิทธิลาตามกฎหมายแรงงาน
  • จัดทำแบบสำรวจความผูกพันและสวัสดิการที่เหมาะสม
  • อนุญาตให้เลือกอัตรากองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วยตนเอง
  • บริษัทจัดทำแบบสำรวจ Upward & Peer Feedback Survey เป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินและสะท้อนพฤติกรรมซึ่งกันและกัน
  • การเลือกปฏิบัติบนฐานเพศหรือความหลากหลายบุคคลส่วนใหญ่และกีดกันกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ
พนักงาน
  • มีนโยบายส่งเสริมความหลากหลายและไม่เลือกปฏิบัติ (Diversity & Inclusion Policy)
  • ดำเนินการ Upward & Peer Feedback Survey เป็นประจำ

ความเสี่ยงภายในโซ่คุณค่า (Value Operations)

ประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง แนวทางลดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ
  • ความปลอดภัยของชุมชนจากโครงสร้างป้ายโฆษณา
ชุมชน
  • ตรวจสอบโครงสร้างและบำรุงรักษาสื่อโฆษณาอย่างสม่ำเสมอ
  • กำหนดแนวทางด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย (HSE)
  • การใช้แรงงานเกินเวลา การละเมิดสิทธิแรงงาน หรือการไม่จ่ายค่าจ้างในคู่ค้า
คู่ค้า / ผู้รับเหมา
  • ให้คู่ค้าอ่านและลงนามยอมรับจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct)
  • ประเมินคู่ค้าด้าน ESG โดยเฉพาะในมิติสังคม เช่น การใช้แรงงานเด็ก, แรงงานผิดกฎหมาย, สวัสดิการแรงงาน
  • การละเมิดสิทธิข้อมูลส่วนบุคคล
พนักงาน / คู่ค้า / ผู้มีส่วนได้เสีย
  • จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลครอบคลุมทุกกลุ่ม
  • ควบคุมการใช้งานตามแนวทาง PDPA อย่างเคร่งครัด

แนวทางส่งเสริมระบบการจัดการสิทธิมนุษยชนของบริษัท

  • จัดอบรมความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนให้กับพนักงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้บริหารของคู่ค้า
  • พัฒนา ระบบร้องเรียนที่เป็นกลางและปลอดภัย สำหรับการแจ้งปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน โดยไม่เปิดเผยชื่อ (Anonymous)
  • ดำเนินการ Human Rights Due Diligence (HRDD) เป็นระยะ โดยเน้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
  • รายงานผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนต่อคณะกรรมการบริหารเป็นประจำ

แนวทางทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการดำเนินธุรกิจอย่างเคารพสิทธิมนุษยชนทุกภาคส่วน สอดคล้องกับความคาดหวังของสังคม นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

การพัฒนาสังคมและชุมชน

แพลนบีมีความเชื่อมั่นว่า การเติบโตทางธุรกิจจะเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนก็ต่อเมื่อสามารถเติบโตไปพร้อมกับชุมชนและสังคมอย่างมีความรับผิดชอบ บริษัทจึงยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในทุกพื้นที่ที่บริษัทเข้าไปดำเนินกิจกรรม โดยมุ่งเน้นให้เกิด “การอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข” (Shared Value & Social License to Operate) ผ่านการใช้ศักยภาพและทรัพยากรที่บริษัทมีอยู่ให้เกิดประโยชน์กับสังคมโดยรวม

กลยุทธ์การพัฒนาสังคมและชุมชนของบริษัท บริษัทใช้กรอบแนวคิดในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนภายใต้แนวทาง 3Ps ดังนี้

1. People - พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน

  • ส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ความรู้ และความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
  • ส่งเสริมศักยภาพเยาวชน กลุ่มเปราะบาง และผู้ประกอบการรายย่อยให้มีโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจ

2. Place - พัฒนาพื้นที่สาธารณะและสิ่งแวดล้อมเมือง

  • ใช้สื่อโฆษณาและเทคโนโลยีของบริษัทเพื่อยกระดับความปลอดภัย ความสะดวก และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เมือง เช่น การรายงานสภาพจราจร การแจ้งเตือนฝุ่น PM2.5 และประกาศแจ้งเตือนสาธารณะ

3. Partnership - พัฒนาโดยอาศัยความร่วมมือ

  • ร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ปัญหาสังคม เช่น ความปลอดภัยทางถนน สิ่งแวดล้อม และการศึกษา

แนวทางการดำเนินงาน (Community Engagement Approach) บริษัทใช้แนวทางการพัฒนาชุมชนตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. การระบุพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ เช่น พื้นที่ตั้งป้ายโฆษณา พื้นที่ติดตั้งโครงสร้าง และพื้นที่กิจกรรมส่งเสริมการตลาด
  2. การประเมินผลกระทบและความต้องการของชุมชน ผ่านการพูดคุยกับหน่วยงานท้องถิ่น การเก็บข้อมูลภาคสนาม และการรับฟังข้อเสนอแนะ
  3. การออกแบบโครงการหรือกิจกรรมที่ตอบโจทย์ร่วมกัน โดยเน้นให้สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น เช่น ความปลอดภัยทางถนน สิ่งแวดล้อม การศึกษา หรือสุขภาพ
  4. การวัดผลและการสื่อสารผลลัพธ์กับผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งในรูปแบบรายงานประจำปี สื่อสารภายใน และช่องทางสื่อสารในชุมชน

ตัวอย่างโครงการที่ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม

  1. โครงการพัฒนาระบบรายงานสภาพจราจรอัจฉริยะ
    • ติดตั้งระบบแสดงข้อมูลจราจรแบบ Real-time บนจอ LED บางจุดในเขตเมือง เพื่อลดปัญหาการจราจร ช่วยให้ประชาชนวางแผนการเดินทางอย่างมีประสิทธิภาพ
    • ระบบนี้ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากการจราจรติดขัด และช่วยลดอุบัติเหตุจากการเปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน
  2. โครงการเปิดพื้นที่สื่อเพื่อประโยชน์สาธารณะ
    • จัดสรรเวลาบนจอ LED กลางแจ้งสำหรับเผยแพร่เนื้อหาสาธารณประโยชน์ เช่น การเตือนภัยฝุ่น PM2.5, ข่าวประกาศจากภาครัฐ, สารคดีการเรียนรู้
    • ส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต เช่น ผู้สูงอายุและคนในพื้นที่ห่างไกล
  3. โครงการสนับสนุน SME ท้องถิ่นผ่าน OOH Media
    • เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชนท้องถิ่นสามารถเข้าถึงสื่อโฆษณากลางแจ้งของบริษัทในราคาพิเศษ
    • ส่งผลให้ชุมชนสามารถประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของตนเองได้มากขึ้น และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก

กลุ่มเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาชุมชน

  • ชุมชนโดยรอบพื้นที่ติดตั้งป้ายสื่อ
  • ผู้ใช้รถใช้ถนนในเมืองใหญ่
  • ผู้ประกอบการรายย่อยและ SMEs
  • กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ คนพิการ เยาวชนที่ขาดโอกาส
  • หน่วยงานท้องถิ่นและองค์กรสาธารณประโยชน์

เป้าหมายระยะกลาง - ระยะยาว (SD Impact Goals)

  • ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่เมืองที่มีสื่อของบริษัทอย่างน้อย 20 พื้นที่
  • สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนที่มีสื่อของบริษัทครอบคลุมไม่น้อยกว่า 500,000 คนต่อปี
  • จัดสรรพื้นที่โฆษณาเพื่อสื่อสารประโยชน์สาธารณะไม่น้อยกว่า 10% ของเวลาทั้งหมดในแต่ละจุด
ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน การแสดงความรับผิดชอบและพัฒนาชุมชน

ดัชนีวัดความยั่งยืน

แพลนบีตระหนักดีว่า ความเข้มแข็งขององค์กรในระยะยาวขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทมุ่งมั่นดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่เพียงแต่ผ่านธุรกิจหลักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกิจกรรมที่ช่วยสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value) กับผู้มีส่วนได้เสียในทุกระดับ

  • กำหนดเป้าหมายการมีส่วนร่วมกับชุมชนเป็นดัชนีชี้วัดระดับองค์กร โดยตั้งเป้าหมายการมีส่วนร่วมของพนักงานหรือชั่วโมงอาสาของพนักงานอยู่ที่ 500 ชั่วโมง ทั้งนี้ ในปี 2567 มีบุคลากรของบริษัทเข้าร่วมกิจกรรมสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชน และกิจกรรมอาสาจำนวนมากกว่า 1,000 ชั่วโมง จากการเข้าร่วมกิจกรรมของพนักงานทุกระดับ สะท้อนถึงความผูกพันและจิตสาธารณะของบุคลากร

การแสดงความรับผิดชอบและพัฒนาชุมชน

  • การลงทุนในชุมชน ในรูปแบบที่ไม่ใช่ตัวเอง
    - โครงการ “สร้างงาน สร้างอาชีพ ด้วยไวนิลเหลือใช้เพื่อลดขยะ” นำป้ายโฆษณาเก่ามา แปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์ได้จริง เช่น กระเป๋าและของใช้ในครัวเรือนสนับสนุนการสร้างรายได้ในชุมชน และลดปริมาณขยะจากอุตสาหกรรมสื่อ โดยดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในหลายภูมิภาค ได้แก่ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดนนทบุรี วิสาหกิจชุมชนทุ่งเศรษฐี จังหวัดขอนแก่น หมู่บ้านป่าเป้าทอง จังหวัดอุดรธานี และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • การบริจาค
    - บริจาคพื้นที่สื่อโฆษณาผ่านมูลนิธิต่างๆ เป็นเงินกว่า 24 ล้านบาท
    - สนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรในโครงการอาสา กิจกรรมการกีฬา การศึกษา และการพัฒนาชุมชน รวมมูลค่ากว่า รวมกว่า 27 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทไม่มีข้อร้องเรียนในเรื่องผลกระทบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
บริษัทมีกระบวนการดูแลชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ดำเนินการตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยได้มีการจัดการให้ข้อมูล รายละเอียดโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการอย่างโปร่งใสเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของชุมชน เพื่อนำมาพิจารณาในการดำเนินการโครงการต่างๆ ทั้งก่อนและหลังดำเนินการ ตลอดจนจัดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการซึ่งเป็นตัวแทนจากหลากหลายภาคส่วนของชุมชน เพื่อเข้าร่วมในการดำเนินงานของบริษัท ในการตรวจติดตามและข้อเสนอ ข้อร้องเรียน หรือข้อแนะนำ เพื่อเป็นการสื่อสารและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นร่วมกัน

นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดให้มีกิจกรรม Open House เพื่อให้ตัวแทนชุมชน สถานศึกษา ส่วนราชการ หรือภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาเยี่ยมชมกระบวนการจัดการ เพื่อเปิดโอกาสให้เห็นสภาพตามความเป็นจริง และได้มีโอกาสที่จะสื่อสารกันทางตรง

การร่วมมือชุมชน สร้างอาชีพแลรายได้อย่างยั่งยืน

บริษัทมุ่งมั่นขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักการ “เติบโตไปพร้อมกับชุมชน” (Grow Together with Community) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างคุณภาพชีวิต และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ผ่านการใช้จุดแข็งขององค์กรในการเชื่อมโยงทรัพยากร เครือข่าย และองค์ความรู้ให้เกิดประโยชน์ร่วมกันระหว่างองค์กรและชุมชน

เพื่อให้การดำเนินงานมีทิศทางอย่างเป็นระบบและวัดผลได้ บริษัทได้กำหนด “กรอบแนวทางการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน” ภายใต้หลักการ 3C Framework: Community - Capability - Collaboration ดังนี้:

Community Community สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและส่งเสริมศักยภาพของชุมชนในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในสภาวะเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้มีรายได้น้อย เพื่อสร้างอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน
Capability Capability ส่งเสริมการพัฒนาทักษะ การถ่ายทอดความรู้ และการต่อยอดศักยภาพของกลุ่มเป้าหมายให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว เช่น การฝึกอบรมงานฝีมือ การบริหารจัดการกลุ่ม หรือการแปรรูปผลิตภัณฑ์
Collaboration Collaboration สร้างความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตร ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม มหาวิทยาลัย วิสาหกิจชุมชน และองค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อผนึกกำลังและสร้างผลลัพธ์ในระยะยาว

กลุ่มเป้าหมายหลักของการดำเนินงาน ได้แก่

  • ผู้สูงอายุ
  • ผู้พิการ
  • วิสาหกิจชุมชน
  • กลุ่มคนไร้ที่พึ่ง หรือผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ต่างจังหวัด